ประวัติโรงเรียน

             โรงเรียนปัว เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา แบบสหศึกษา ประจำอำเภอปัว ตั้งอยู่เลขที่ 266 หมู่ที่ 8 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน เปิดการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 โดยอาศัยอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านปรางค์ปราสาท (โรงเรียนบ้านปรางค์ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ มีครู 2 คน นักการภารโรง 1 คน นักเรียน 35 คน ต่อมาจึงย้ายทำการเรียนการสอน ณ สถานที่ปัจจุบัน ซึ่งได้รับความอุปถัมภ์จากข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ในเขตอำเภอปัวร่วมกันซื้อที่ดินประมาณ 17 ไร่ และซื้อมาเพิ่มเติมต่อมา ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 67 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา

          เมื่อปี พ.ศ. 2515 โรงเรียนปัวได้ทำการเปิดสาขาพื้นที่การศึกษาที่ โรงเรียนประชาพัฒนา อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน จำนวน 2 ห้องเรียน เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2516 โรงเรียนประชาพัฒนา ได้รับการอนุมัติจากกรมสามัญศึกษา ให้เปิดเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอเชียงกลาง และเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนเชียงกลาง (ประชาพัฒนา) ในปัจจุบัน

          เมื่อปี พ.ศ. 2532 โรงเรียนปัวได้ทำการเปิดสาขาพื้นที่การศึกษาที่ โรงเรียนบ่อเกลือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ทำการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีนักเรียนจำนวน 34 คน มีครูจากโรงเรียนปัวมาดูแลและทำการสอนจำนวน 1 คน คือ อาจารย์ประสิทธิ์ แข็งข้อ ตำแหน่งอาจารย์ 1 และนายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนปัว ทำหน้าที่บริหารโรงเรียน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2532 โรงเรียนบ่อเกลือ สาขาโรงเรียนปัว ได้รับการอนุมัติจากกรมสามัญศึกษา ให้เปิดเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอบ่อเกลือในปัจจุบัน

          เมื่อปี พ.ศ. 2534 โรงเรียนปัวได้รับผิดชอบดูแล โรงเรียนศรัทธาศิลาเพชรรังสรรค์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2534 โดยมีท่านผู้อำนวยการประพันธ์ พันธุปาล ผู้อำนวยการโรงเรียนปัว เป็นผู้ดูแลบริหารงาน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2534 มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 167 คน จนถึงในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2534 ทางกรมสามัญศึกษาจึงได้แต่งตั้งผู้บริหารและครูอาจารย์เข้ารับผิดชอบมาจนถึงปัจจุบัน

         โรงเรียนปัว เป็นโรงเรียนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีสภาพเป็นที่ราบด้านหน้าติดถนนวรนคร ส่วนพื้นที่ด้านหลังติดกับถนนน่าน-ทุ่งช้าง โดยมีสภาพเป็นเนินเขากับธรรมชาติที่เต็มไปด้วยป่าไม้ที่ต้องอนุรักษ์เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเล่าเรียนต่อไป

เลื่อนจอขึ้น